GT Radial Thailand

Quick Links:

ลักษณะการทำงานของยาง
สเป็คของยาง
ยางรัน-แฟลท
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับยาง ในช่วงหน้าร้อน
ยางสามารถรองรับน้ำหนักของตัวรถที่ หนักกว่า ได้อย่างไร
วาล์วเติมลมยางทำหน้าที่อย่างไร

ความสำคัญของแรงดันลมยางที่เหมาะสม
อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ในขณะขบขี่
เลือกยางให้เหมาะกับรถคุณอยางไร
คุณทราบหรือไม่ ว่ายางหมุนไปกี่รอบ ในหนึ่งวินาที
การตรวจสอบการสึกหรอ
วิธีการอ่านค่าต่างๆ บนขอบยาง

ลักษณะการทำงานของยาง

1. บรรทุกน้ำหนัก

บริเวณพื้นผิวสัมผัสของหน้ายางมีขนาดเท่าขนาดมือของเราเท่านั้น แต่ต้องทำหน้าที่แบกรับน้ำหนักทั้งหมดของตัวรถและผู้โดยสาร

2. รองรับแรงกระแทก

การขับรถบนพื้นผิวที่ขรุขระยางจะทำหน้าที่รองรับการสั่นสะเทือนทั้ง หมด ด้วยความยืดหยุ่นของเนื้อยางและแรงดันอากาศภายใน

3. ควบคุมตัวรถ ขับเคลื่อน และการเบรก

ยางเป็นเพียงส่วนเดียวของรถที่จะได้สัมผัสกับพื้นผิวถนน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเริ่มออกตัว ขณะขับขี่ การเบรก และการจอด ยางจะช่วยทำหน้าที่ตามคำสั่งของเราอย่างสมบูรณ์

4. ควบคุมการเลี้ยว

การเลี้ยวไปในทิศทางต่างๆจะถูกกำหนดโดยยางรถยนต์

สเปคของยาง

บนขอบยางจะมีข้อมูลสำคัญต่างๆมากมาย แจ้งให้เราได้ทราบเกี่ยวกับยางรถยนต์นั้นๆ มีทั้งสเปคของยาง ยี่ห้อ และรูปแบบโครงสร้าง โดยตัวเลขที่ระบุไว้ทั้งหมด ถือเป็นมาตรฐานสากลเดียวกัน ที่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆทั่วโลก

Codes :
1. ความกว้างของหน้ายาง (มม)
2. ความสูงของแก้มยาง
3. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางล้อ (นิ้ว)
4. ดัชนีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด
5. อัตราความเร็วสูงสุด

ดัชนีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด และอัตราความเร็วสูงสุด

ดัชนีน้ำหนักบรรทุกสูงสุดและอัตราความเร็วสูงสุด (Load Index and Speed Rating) ดัชนีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด คือตัวเลขที่แสดงน้ำหนักสูงสุดที่ยาง 1 เส้น สามารถรับน้ำหนักได้ ส่วนอัตราความเร็วสูงสุดจะเป็นรูปแบบของตัวอักษร J-Z ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้ของยางเส้นนั้นๆ โดยทั้งสองเครื่องหมายจะมีความหมายและการทำงานที่สอดคล้องซึ่งกันและกัน ดัชนีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด Load Index (Maximum Load)
อัตราความเร็วสูงสุด Speed Rating (Maximum Speed)

Load Index (Maximum Load)

LI	lbs	kg	LI	lbs	kg	LI	lbs	kg	LI	lbs	kg
71	761	345	81	1019	462	91	1356	615	101	1819	825
72	783	355	82	1047	475	92	1389	630	102	1874	850
73	805	365	83	1074	487	93	1433	650	103	1929	875
74	827	375	84	1102	500	94	1477	670	104	1984	900
75	853	387	85	1135	515	95	1521	690	105	2039	925
76	882	400	86	1168	530	96	1565	710	106	2094	950
77	908	412	87	1201	545	97	1609	730	107	2149	975
78	937	425	88	1235	560	98	1653	750	108	2205	1000
80	992	450	90	1323	600	100	1764	800	110	2337	1060

Speed Rating (Maximum Speed)

	J	K	L	M	N	P	Q	R	S	T	H	V	W	Y
mph	62	68	75	81	87	93	100	106	113	118	130	150	168	188
kmh	100	110	120	130	140	150	160	170	180	190	210	240	270	300

ยางรัน-แฟลต

ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัยแม้ว่ายางจะเกิดการชำรุดเสียหาย หรือแรงดันอากาศภายในยางเป็นศูนย์ก็ตาม โดยสามารถใช้งานต่อไปได้ถึง 80กิโลเมตร ด้วยความเร็วเฉลี่ย 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้คุณไปถึงจุดหมายที่ปลอดภัย

ภาพแสดงการเปรียบเทียบการทำงาน ระหว่างยางรัน-แฟลต และ ยางปกติ Comparison between Run Flat Tires and Ordinary Tires:

ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับยางในช่วงหน้าร้อน

กรณีแสงแดดจ้า : การโดนแสงแดดส่องโดยตรงจะส่งผลให้

ควรเลือกจอดรถในที่ร่ม

กรณีฝนตกหนัก :

ฝนตกทำให้น้ำนองอยู่บนพื้นถนน อาจจะทำให้รถเกิดอาการลื่นไถล วิธีแก้ไข คือ

เลือกใช้ยางที่มีการออกแบบมาเพื่อป้องกันการเหินน้ำได้ดี

เลือกยาง ที่มีการรีดน้ำออกได้ดี

เลือกใช้ยาง ที่มีหน้าผิวผัสที่กว้าง

พื้นผิวที่เปียกน้ำ

ยางปกติทั่วไป

ยางผสมซิลิกา

ร่องระบายน้ำที่กว้าง 4 ร่อง

เพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนน และการเบรค

ยางสามารถรองรับน้ำหนักของตัวรถที่หนักกว่า ได้อย่างไร

กรณีแสงแดดจ้า : การโดนแสงแดดส่องโดยตรง จะส่งผลให้

1. ด้านในของยางจะมีขอบวงแหวน ที่เอาไว้ยึดตัวยางให้ติดอยู่กับล้อรถตลอดเวลา
2. ขอบวงแหวนจะสามารถทนแรงดันจากภายนอกได้ถึง 3ตัน
3. ขอบวงแหวนนี้มีความแข็งแรงมาก ซึ่งต้องใช้แรงกระทำมากถึง 6ตัน จึงจะทำให้ทำให้เกิดความเสียหาย

วาล์วเติมลมยางทำหน้าที่อย่างไร

ถึงแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็มีความสำคัญกับยางเป็นอย่างมาก เพราะสามารถให้แรงดันลมภายในยางคงที่ ทำให้อย่างอยู่ในสภาพสมบูรณ์และปลอดภัยอยู่ตลอด ส่วนจุ๊บลมยางก็ยังมีส่วนป้องกันตัววาลว์เอง และไม่ให้ฝุ่นละอองปลิวเข้าไปภายในยางได้อีกด้วย

วาลว์เติมลมยางนั้นถูกผลิตขึ้นจากยาง ดังนั้นจึงมีการเสื่อมสภาพตามการใช้งานที่มากขึ้น ซึ่งถ้าใช้งานยาวนานเกินไปอาจก่อให้เกิดการชำรุดหรือเสียหายได้

แรงดันลมยางที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างไร

อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ในขณะขับขี่

ความเสียหายจากภายนอก

ส่งผลให้ ลมยางรั่ว ยางแบน อายุการใช้งานสั้น และอันตรายต่อการขับขี่

ข้อแนะนำ หมั่นตรวจลักษณะภายนอกของยางให้ละเอียด และเมื่อ พบจุดที่ชำรุดให้เปลี่ยนยางทันที

ดอกยางสึกหรอ

ส่งผลให้ การควบคุมรถ การเบรค และความสามารถในการรีดน้ำออก

ข้อแนะนำ หมั่นตรวจสอบความสึกหรอของดอกยาง ถ้าพบการสึกหรอที่ต่ำกว่า 1.6มิลลิเมตร ให้เปลี่ยนยางทันที

ความดันลมยางภายใน ไม่เหมาะสม

ส่งผลให้ กิดการสึกหรอของดอกยางที่ไม่เท่ากัน ความรู้สึกนุ่มสบาย และความสามารถในการควบคุมรถจะลดลง สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น และอากทำให้ยางระเบิดได้

ข้อแนะนำ หมั่นตรวจเช็คความดันลมยางทุกเส้น (รวมถึงยางอะไหล่) โดยเช็คอัตราความดัน ลมยางที่เหมาะสมได้ที่คู่มือประจำรถของคุณ

เลือกยางให้เหมาะกับรถคุณอย่างไร

การเลือกใช้ยางให้เหมาะสมกับสภาพพื้น ผิวถนนนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง

ทางเรียบ แบบไฮเวย์: ลายดอกยางจะเรียบ ให้ความนุ่ม และช่วยลดเสียงขณะขับขี่

ทางโคลน: มีลายดอกยางที่มากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานระดับ ออฟโรด

ทุกพื้นสภาพผิว: ลายดอกยางจะขรุขระ เพื่อให้เกิดความสมดุลต่อการขับขี่บนทาง เรียบ และทางออฟโรด

คุณทราบหรือไม่ว่ายางหมุนไปกี่รอบภายในหนึ่งวินาที

เมื่อรถใช้ความเร็วถึง 100กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยางจะหมุนจำนวน 14รอบต่อวินาที (คำนวณจากยางไซส์ 195/65R15)

การตรวจสอบการสึกหรอ

ยางทุกเส้นจะถูกออกแบบมาให้มีเครื่องหมายสำหรับตรวจสอบการสึกหรอของดอกยาง ซึ่งจะมีลักษณะนูนขึ้นมาจากบริเวณร่องยาง และโดยทั่วไปแล้วความหนาของเครื่องหมายนี้จะมีความหนาอยู่ที่ 1.6 มิลิเมตร

ในกรณีที่ดอกยางสึกหรอจนมีความหนาเท่ากับเครื่องหมายนี้ ควรทำการเปลี่ยนยางทันที เพราะดอกยางจะเริ่มมีการแยกตัว ออกจากยาง ซึ่งจะส่งผลต่อการควบคุม การเบรค และการรีดน้ำ ทำให้มีประสิทธิภาพที่ลดลงและก่อให้เกิดอันตรายเป็นอย่างมาก

ควรเปลี่ยนยางทันทีเมื่อพบ

ขอบยางบวม นูน

รอยฉีกขาด

ขอบยางมีรอยแตกร้าว

ในกรณีที่พบลักษณะอาการดังกล่าวข้างต้น ทางเรา แนะนำให้เข้ารับการตรวจเช็ค กับศูนย์บริการ ที่เชี่ยวชาญบริเวณใกล้บ้านท่าน และทำการเปลี่ยนยาง ทันที

วิธีการอ่านค่าต่างๆ บนแก้มยาง

บริเวณขอบยางจะมีข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ ที่จะสามารถรับรู้ถึงประสิทธิภาพของยาง รวมไปถึงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนยาง และการรับบริการต่างๆของยางเส้นนั้นๆ

ตัวอย่าง 195/60R15 88V

195: ความกว้างของหน้ายาง (มม.)
60: ความสูงของแก้มยาง
15: ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางล้อ (นิ้ว)
88: ดัชนีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด
V: อัตราความเร็วสูงสุด

	J	K	L	M	N	P	Q	R	S	T	H	V	W	Y
mph	62	68	75	81	87	93	100	106	113	118	130	150	168	188
kmh	100	110	120	130	140	150	160	170	180	190	210	240	270	300

	J	K	L	M	N	P	Q	R	S	T	H	V	W	Y
mph	62	68	75	81	87	93	100	106	113	118	130	150	168	188
kmh	100	110	120	130	140	150	160	170	180	190	210	240	270	300

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับยาง